รวม 12 น้ํายาปรับผ้านุ่ม หอม กลิ่นหอมนาน ผ้านุ่มละมุนผิวมากแม่

น้ํายาปรับผ้านุ่ม หอม ใครชอบลองน้ำยาปรับผ้านุ่มใหม่ๆมั่ง แอดนี่ชอบมาก ซื้อทีไม่เคยซ้ำ แต่ก็มีอันโปรดในใจตลอดกาลอยู่แหละ อิอิ ใครชอบอันไหนมาบอกต่อเพื่อนๆกันได้เลยน้า

ผ้าหอมน่าดม น้ํายาปรับผ้านุ่ม หอม


🌷 น้ํายาปรับผ้านุ่ม หอม น้องมาใหม่ แต่น้องมาแรงมากจ้า

🌷ตัวนี้แอดกำลัฃใช้อยู่เลย ตากไว้ 2 วันลืมเก็บก็ยังหอมอยู่

🐚 หอมแบบผู้ดีมีสกุล สูตรเพอร์ฟูม ไม่ต้องฉีดน้ำหอมแล้วว

🌺 มีคนเอาไปถูบ้าน เปิดประตูบ้านทีหอมฟุ้งเลย เขาบอกมา

🌷ชอบกลิ่นแป้งเด็ก กลิ่นอ่อนๆ หวานๆ ตังนี้เลยจ้า ผ้านุ่มด้วยนะ

🌿 หอมแบบสดชื่นรื่นรมย์ ซักพวกผ้าปูที่นอนปลอกหมอน หอมฟินทั้งคืน หลับสบาย~

💐 อีกตัวที่หอมแบบผู้ดี ไฮยีนมีเยอะนี่ไม่ได้โฆษณาน้า แต่ของเขาหอมจริง มาแรงมากช่วงนี้

🌺 ใครชอบกลิ่นแบบเบอร์รี่ ผลไม้ๆ ต้องอันนี้เลยจ้า

💜 อยากซ้อมเดินให้ทุ่งดอกไม้ลองใช้ตัวนี้ดูจ้า อิอิ

🍼 อันนี้เขาจะละมุนมีความหวานหน่อยๆ สำหรับแอด ไม่ถึงกับเหมือนแป้งเด็กซะทีเดียวนะ แต่ก็หอมมากกก~

💐 ส่วนใครที่ไม่มีเวลาซักผ้า ซักกลางคืนตากที่ร่มทุกตัว ตัวนี้เลย ไม่อับด้วย แต่ตากตอนกลางวันจะดีกว่าน้า

☀️ ที่สุดในดวงใจของใครหลายคน เขาหอมติดแน่นทนนานจริงๆ !

6 วิธีใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ให้ผ้านุ่มหอมนาน พร้อมช่วยถนอมชุดโปรด

นอกจากน้ำยาซักผ้าแล้ว น้ำยาปรับผ้านุ่ม ก็ถือเป็นไอเทมยอดฮิตที่เหล่าแม่บ้านมักจะขาดไปไม่ได้เหมือนกัน ก็แหม กลิ่นหอมนุ่ม ติดทนนานซะขนาดนั้น จะไม่ให้เหล่าแม่บ้านชอบอก ชอบใจ ชอบใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มในการซักผ้าทุกครั้งได้อย่างไร อ๊ะ ๆ ๆ แต่รู้ไหมคะว่าแท้จริงแล้วน้ำยาปรับผ้านุ่มก็มีข้อห้าม ข้อควรระวัง แถมยังไม่สามารถใช้ได้กับเสื้อผ้าทุกชนิดและเป็นอันตรายต่อเนื้อผ้าด้วยนะ เอาเป็นว่าวิธีการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ควรหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง ห้ามใช้กับผ้าชนิดไหน ตามมาดูเคล็ดลับการซักผ้า และถนอมใยผ้าที่กระปุกดอทคอมรวบรวมมาฝากกันได้เลยค่ะ

1. ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มซักผ้ากับผ้าเช็ดตัว

แน่นอนว่าไม่มีใครชอบการเช็ดตัวกับผ้าขนหนูแข็ง ๆ หลังอาบน้ำเสร็จ ดังนั้นเวลาซักผ้าขนหนูแต่ละครั้ง ก็มักจะใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปด้วยเสมอ แต่ช้าก่อนค่ะ รู้ไหมคะว่าการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มมาก ๆ หรือบ่อย ๆ สามารถลดประสิทธิภาพการดูดซึมของผ้าขนหนูลงได้ คราวนี้ก็จะส่งผลให้เราเช็ดตัวให้แห้งได้ยากขึ้นด้วย ฉะนั้นทางที่ดีเราควรลดการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วเปลี่ยนมาซักด้วยน้ำส้มสายชูหนึ่งถ้วยตวงแทนจะดีกว่า อ้อ แล้วในระหว่างที่ซักก็อย่าลืมเติมเบกกิ้งโซดาตามลงไปสักครึ่งถ้วยตวงด้วยนะคะ รับรองเลยว่าผ้าขนหนูของคุณจะนุ่มนิ่มน่าใช้เหมือนซักด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม แต่ที่สำคัญปลอดภัยกว่า ช่วยถนอมใยผ้า และสามารถคงประสิทธิภาพได้เท่าที่ควรจะเป็นเลย

2. ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเนื้อผ้าชนิดพิเศษ

เนื่องจากส่วนผสมของน้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นสารเคมี จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อผ้าชนิดพิเศษต่าง ๆ ได้แก่ ผ้าไมโครไฟเบอร์ เพราะจะลดประสิทธิภาพการดูดซึมน้ำลง ผ้าเส้นใยสังเคราะห์ เพราะจะทิ้งสารเคมีตกค้างและกระตุ้นให้เกิดแบคทีเรีย ชุดออกกำลังกาย เพราะจะทำลายการดูดซับเหงื่อและลดความเย็น รวมถึงเสื้อผ้าเด็กหรือเสื้อผ้าที่ออกแบบมาให้กันน้ำ ทนไฟ เพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มจะไปกำจัดคุณสมบัติต่าง ๆ ของเสื้อผ้าออกไปนั่นเอง

3. ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อผ้าเด็ก

ผิวของเด็กมีความอ่อนโยนมากเป็นพิเศษ ฉะนั้นคุณพ่อ-คุณแม่จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ซึ่งมีสารเคมีผสมปนเปื้อนอยู่ เพราะนอกจากน้ำยาปรับผ้านุ่มจะทำให้ผิวของเด็กระคายเคืองได้แล้ว ยังทำลายคุณสมบัติไม่ติดไฟของเสื้อผ้าเด็กอีกต่างหาก อ้อ และถ้าหากคุณพ่อ-คุณแม่คนไหนสงสัยว่าแล้วจะซักเสื้อผ้าเด็กด้วยอะไรดี ขอแอบกระซิบเลยว่าแค่น้ำส้มสายชูก็เอาอยู่แล้วค่ะ

4. ไม่ควรเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงบนเสื้อผ้าโดยตรง

คนที่ชอบใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อผ้าโดยตรงเคยสังเกตไหมคะว่ามักจะมีคราบเกาะอยู่บนเสื้อผ้าประจำ ไม่งั้นก็จะมีความลื่น ความมันแปลก ๆ ที่ยากจะกำจัดออกได้ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใส่ลงไปตกค้างและล้างออกไม่หมดนั่นเอง อ๊ะ ๆ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะวิธีแก้ไม่ยากเพียงแค่ใส่ปริมาณเสื้อผ้าให้พอเหมาะและเทลงไปในช่องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มโดยเฉพาะ จากนั้นก็ซักผ้าแบบปกติ เท่านี้เครื่องซักผ้าก็จะปั่นและกระจายน้ำยาปรับผ้านุ่มได้พอดี ไม่มีคราบตกค้างบนเสื้อผ้าอีกแล้ว

5. น้ำยาปรับผ้านุ่มกับสารเคมีอันตราย

แม้น้ำยาปรับผ้านุ่มจะดูไม่มีพิษ ไม่มีภัย และไม่เป็นอันตราย แต่ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) และองค์กรเกี่ยวกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารและครัวเรือนสหรัฐอเมริกา (Environmental Working Group) ได้เปิดเผยว่า ในน้ำยาปรับผ้านุ่มหลายยี่ห้อมีสารเคมีอันตรายปนเปื้อน ซึ่งสารเคมีเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ตั้งแต่กระตุ้นอาการหอบหืดและภูมิแพ้ ไปจนถึงทำให้ผิวหนังระคายเคืองเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น Karen Alexander ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเนื้องอกและมะเร็ง ยังเสริมอีกว่า น้ำยาปรับผ้านุ่มบางยี่ห้อมีสาร BPA หรือสารกระตุ้นโรคมะเร็งประกอบอยู่ ฉะนั้นแล้วเราจึงควรหันมาใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มแบบธรรมชาติจะดีกว่า หรือไม่เช่นนั้นก็สามารถทำน้ำยาปรับผ้านุ่มใช้เองได้ ตามวิธีต่อไปนี้

6. น้ำยาปรับผ้านุ่มกับผลกระทบต่อเครื่องซักผ้าและท่อน้ำ

ส่วนผสมของน้ำยาปรับผ้านุ่มบางแบรนด์มีทั้งสารเคมีและไขมันสัตว์ในปริมาณมาก ฉะนั้นจึงเสี่ยงต่อการอุดตันท่อน้ำและเครื่องซักผ้าได้ง่าย นอกจากนี้ก็ยังกระตุ้นให้เกิดเชื้อราในเครื่องซักผ้าได้อีกด้วย เพราะเมื่อไขมันในน้ำยาปรับผ้านุ่มอยู่กับอากาศและความชื้น ก็จะเป็นการเพาะพันธุ์เชื้อแบคทีเรียชั้นดี ยิ่งไปกว่านั้นน้ำยาปรับผ้านุ่มบางยี่ห้อยังเป็นผลิตภัณฑ์ปิโตเคมีหรือผลิตจากปิโตรเลียมอีก ซึ่งก็แน่นอนว่าย่อยสลายยาก และเป็นพิษต่อสัตว์น้ำหากทิ้งลงในท่อระบายน้ำหรือคูคลองด้วย

แม้จะช่วยให้ผ้าหอม ผ้านุ่มสักแค่ไหน แต่อย่างไรน้ำยาปรับผ้านุ่มก็มีอันตรายแอบแฝงอยู่ ฉะนั้นถ้าหากไม่อยากทำร้ายและทำลายเสื้อผ้าชิ้นโปรดของคุณ ก็อย่าลืมนำวิธีใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเหล่านี้ไปปรับให้เหมาสมกับการซักผ้าครั้งต่อไปนะคะ น้ํายาปรับผ้านุ่ม หอม

บทความที่เกี่ยวข้อง